องค์ประกอบทางโภชนาการและการใช้ประโยชน์ทางยาของเมล็ดข้าวจากข้าวพันธ์พื้นเมืองในจังหวัดปทุมธานี
23/09/2019รายงานผลการดำเนินงาน ปีงบประมาณ 62
21/10/2019
ประเทศไทยมีวัฒนธรรมด้านอาหารที่มีเอกลักษณ์ บัวก็เป็นพืชอย่างหนึ่งที่มีการสร้างสรรค์ขึ้นเป็นตำหรับอาหารและได้สืบทอดต่อกันมา โดยอาหารจากบัวสามารถจำแนกตามลักษณะได้ดังนี้
สายบัว
นำมาใช้ประกอบอาหารได้ทั้งคาวและหวานและยังมีสรรพคุณแก้ริดสีดวงจมูก ช่วยลดภาวะของการเกิดความเครียด ดับพิษไข้หรือพิษร้อนภายในร่างกาย บำรุงหัวใจ ลดอาการบีบเกร็งของอวัยวะภายในช่องท้อง เช่น ลำไส้และกระเพาะอาหาร ช่วยทำให้ขับถ่ายได้ดี แก้ปัญหาของผู้ที่ขับถ่ายได้ยาก มีฤทธิ์ช่วยในการขับปัสสาวะ
อาหารจากสายบัว เช่น
ต้มกะทิสายบัวปลาทู
วัตถุดิบ
1.สายบัว 300 กรัม
2.ปลาทูนึ่ง 4 ตัว
3.น้ำตาลทรายหรือน้ำตาลมะพร้าว ½ ช้อนโต๊ะ
4.หัวกะทิ 1 ถ้วย
5.หางกะทิ 1½ ถ้วย
6.หอมแดง 5-6 หัว
7.พริกไทยเมล็ด 1 ช้อนโต๊ะ
8.กะปิ ½ ช้อนโต๊ะ
9.เกลือ ½ ช้อนโต๊ะ
10.น้ำมะขามเปียกคั้นข้น ๆ 2-3 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำต้มกะทิสายบัวปลาทู
1.โขลกหอมแดงพอละเอียด ใส่พริกไทยเมล็ดลงไปโขลกให้พอเข้ากัน แล้วใส่กะปิ โขลกต่อให้ละเอียดดี
2.นำหางกะทิใส่ลงไปในหม้อ เอาขึ้นตั้งไฟ นำน้ำพริกแกงที่ตำไว้แล้วใส่ลงไป คนให้ละลายแล้วรอให้เดือด จนมีกลิ่นหอม
3.ใส่สายบัวปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บ เกลือ และน้ำมะขามเปียกข้น ๆ คนให้น้ำตาลละลาย และสายบัว
4.ใส่ปลาทูแกะแล้วและหัวกะทิลงไป คนเบา ๆ ให้เข้ากัน ตักเสิร์ฟได้
ผัดสายบัวหมูสับ
วัตถุดิบ
1.หมูบด 150 กรัม
2.สายบัว 100 กรัม
3.ตับหมู 200 กรัม
4.น้ำมัน 1 ช้อนโต๊ะ
5.น้ำตาล 1½ ช้อนชา
6.ซอสถั่วเหลือง 1 ช้อนชา
7.น้ำปลา 1½ ช้อนชา
8.ซอสหอยนางรม 1 ช้อนโต๊ะ
9.น้ำ 2 ช้อนโต๊ะ
10.พริกกระเทียมโขลก 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำผัดสายบัวหมูสับ+ตับหมู
1.ตั้งกระทะใส่น้ำมันให้ร้อน และใส่พริกกระเทียมโขลกลงไปผัดจนมีกลิ่นหอม
2.นำหมูบดลงไปผัดจนสุก ตามด้วยสายบัว
3.ปรุงรสด้วยซอสหอยนางรม น้ำปลา ซอสถั่วเหลือง น้ำตาล น้ำเล็กน้อย
4.ผัดให้สายบัวสุกเป็นอันเสร็จสิ้น
เมล็ดบัวหรือเมล็ดบัว
นิยมนำมาประกอบอาหารทดแทนลูกเดือยหรือถั่วได้ มีสรรพคุณช่วยบำรุงหัวใจ บำรุงไขข้อ บำรุงประสาท แก้อาการท้องร่วง อาการฝันเปียก ปัสสาวะไหลโดยไม่รู้ตัว ช่วยให้นอนหลับ
อาหารจากเมล็ดบัว เช่น
ขนมไหว้พระจันทร์
วัตถุดิบ
1.แป้งขนมไหว้พระจันทร์ 500 กรัม
2.เมล็ดบัวแห้ง 500 กรัม
3.น้ำตาลทราย 400 กรัม
4.แบะแซ 2 ช้อนโต๊ะ
5.น้ำมันพืช 150 กรัม
6.ไข่แดง 1 ฟอง
7.น้ำเชื่อมขนมไหว้พระจันทร์ 1/2 ช้อนโต๊ะ
8.น้ำเปล่า 1/2 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำขนมไหว้พระจันทร์ไส้ลูกบัว Lotus Seed Moon Cake
1.นำเมล็ดบัวแห้งไปแช่น้ำจนพอง นำไปต้มจนสุกหลังจากนั้นนำไปปั่นใส่น้ำลงไปปั่นเล็กน้อย ปั่นจนละเอียดแล้วกรองใส่หม้อ
2.ผสมเมล็ดบัวที่ปั่นแล้วกับน้ำตาลทราย แบะแซ คนให้เข้ากัน ตั้งไฟปานกลางค่อนไปทางอ่อนจนส่วนผสมเดือดและข้น
3.เมื่อส่วนผสมข้นค่อย ๆ ใส่น้ำมันพืชลงไป คนให้เข้ากัน กวนต่อไปเรื่อย ๆจนเหนียวและร่อนออกจากกระทะ
4.นำใส่ภาชนะปิดด้วยพลาสติกคลุมอาหารให้แนบไปกับตัวไส้ พักให้เย็นสนิท
5.อุ่นเตาอบไฟล่าง ที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส
6.นำไส้ลูกบัวกวนมาปั้นเป็นก้อนกลม ๆ ก้อนละประมาณ 100-120 กรัม
7.นำแป้งขนมไหว้พระจันทร์มาปั้นเป็นก้อน ก้อนละประมาณ 40-45 กรัม
8.นำแป้งมาแผ่ออกให้บางเอาไส้ที่ปั้นไว้วางตรงกลางห่อแป้งให้คลุมไส้ให้มิดและปั้นให้กลม
9.นำขนมที่ปั้นไว้มาใส่ในพิมพ์กดให้แน่นและนำออกจากพิมพ์วางบนถาดอบที่รองด้วยกระดาษไข
10.นำขนมเข้าอบด้วยไฟล่าง 180 องศาเซลเซียส 10 นาที
11.นำไข่แดงผสมกับน้ำเชื่อมขนมไหว้พระจันทร์และน้ำเปล่าผสมให้เข้ากัน
12.นำขนมที่อบเสร็จแล้ว 10 นาที มาทาด้วยไข่แดงที่ผสมไว้ ทาบาง ๆ ทั้งด้านบนและด้านข้าง
13.อบขนมต่อด้วยไฟบน-ล่าง 180 องศา 5-10 นาทีจนมีสีเหลืองอ่อน
เมล็ดบัวสด
สามารถทานแบบสดได้เลย มีรสหวานมัน
หรือจะนำมาประกอบอาหารได้ทั้งของคาวและหวาน
ในเมล็ดบัวจะมีดีบัวอยู่ตรงกลาง รสชาติขม ช่วยขยายหลอดเลือดหัวใจ แก้กระหายน้ำ ลดความดัน บำรุงหัวใจ แก้อาการหงุดหงิดนอนไม่หลับ ลดการติดเชื้อในช่องปาก สามารถทานสดพร้อมเมล็ดบัว หรือนำไปตากแห้งทำเป็นชาดีบัวได้
กลีบบัว
สามารถนำมาใช้ประกอบอาหารได้หลายชนิด มีรสฝาดหอม และยังมีสรรพคุณบำรุงครรภ์ ช่วยให้คลอดลูกง่าย แก้ไข้รากสาด ไข้ที่มีพิษร้อน แก้เสมหะ และบำรุงหัวใจ
อาหารจากกลีบบัว เช่น
เมี่ยงคำบัวหลวง
วัตถุดิบ
1.กลีบบัวหลวง
2.หอมแดงหั่นเต๋า
3.ขิงหันเต๋า
4.มะนาวหั่นเต๋า
5.พริกขี้หนูซอย
6.ถั่วลิสงคั่ว
7. กุ้งแห้ง
8.มะพร้าวคั่ว
ส่วนผสมน้ำราดเมี่ยงคํา
1.น้ำตาลปี๊บ 1 ถ้วยตวง
2.กะปิ 1/2 ช้อนโต๊ะ
3.น้ำปลา 1/4 ถ้วยตวง
4.ข่าหั่นละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ
5.น้ำเปล่า 1/4 ถ้วยตวง
6.พริกไทย 10-12 เมล็ด
วิธีทำเมี่ยงคำบัวหลวง
1.ตั้งหม้อใส่ข่าลงไปคั่วให้หอม หลังจากนั้นใส่น้ำตาลปี๊บ กะปิ น้ำปลา และน้ำเปล่า เคี่ยวจนข้นเหนียว ปิดไฟ พักไว้
2.เด็ดกลีบบัวออกเป็นใบ ๆ และล้างในน้ำเกลือ สะเด็ดน้ำเตรียมไว้
3.เสิร์ฟเป็นคำ ๆ โดยห่อเครื่องต่าง ๆ ด้วยใบบัวแล้วตักน้ำราดเมี่ยงคำใส่ถ้วยแยกไว้ต่างหากหรือราดลงไปเลยก็ได้
น้ำกลีบบัว
วัตถุดิบ
1.กลีบดอกบัวหลวง
2.น้ำสะอาด
วิธีทำน้ำกลีบบัว
1.ทำความสะอาดดอกบัวด้วยน้ำเปล่า และตากแห้ง 2-3 วัน
2.นำกลีบบัวตากแห้งมาชงกับน้ำร้อน ดื่มได้ทั้งร้อนและเย็น
เกสร
เกสรดอกบัวมีรสฝาดหอมเย็น เกสรตัวผู้มีสรรพคุณบำรุงหัวใจ บำรุงปอด บำรุงตับ บำรุงกำลัง คุมธาตุ แก้ลม บำรุงครรภ์ แก้ไข้ แก้การฝันเปียก เลือดกำเดาไหล ประจำเดือนมามากกว่าปกติ แก้การระดูขาวและแก้อาการท้องเสีย
อาหารจากเกสรดอกบัว เช่น
ชาเกสรดอกบัว
วัตถุดิบ
1.เกสรดอกบัว
2.น้ำสะอาด
วิธีทำชาเกสรดอกบัว
1.ทำความสะอาดเกสรดอกบัวด้วยน้ำเปล่า และตากแห้ง 2-3 วัน
2.นำเกสรดอกบัวตากแห้งมาชงกับน้ำร้อน ดื่มได้ทั้งร้อนและเย็น
รากบัว
นิยมนำมาใช้ประกอบอาหารประเภท ผัด ต้ม แกงและเชื่อมเป็นของหวาน และรากบัวยังมีประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย ทั้งแก้ร้อนในกระหายน้ำ แก้อ่อนเพลีย แก้อาเจียน แก้พุพอง ละลายยาแก้สะอึก บำรุงกำลัง แก้เสมหะ แก้อาการไอ ขับเสมหะ
อาหารจากรากบัว เช่น
รากบัวจีนต้มน้ำตาล (ต้มรากบัว)
เมนูของหวานที่สามารถทานได้ทั้งร้อนและเย็น
วัตถุดิบ
1. รากบัว 700 กรัม
2. น้ำเปล่า 3 ลิตร
3. น้ำตาลทรายแดง 50 กรัม
4. น้ำตาลทรายขาว 250 กรัม
วิธีทำรากบัวจีนต้มน้ำตาล (ต้มรากบัว)
1. ปอกเปลือกรากบัวจีนจนหมด หั่นเป็นแว่นๆ และนำไปล้างให้สะอาด
2. ต้มน้ำจนเดือดค่อยเติมรากบัวลงไป ตามด้วยน้ำตาลทรายแดง น้ำตาลทรายขาว ปิดฝาต้มด้วยไฟอ่อนๆ 1 ชม. เป็นอันเสร็จ
น้ำรากบัว
เมนูของหวานที่สามารถทานได้ทั้งร้อนและเย็น
วัตถุดิบ
1.รากบัวหลวง 100 กรัม
2.น้ำตาลทราย 2 ถ้วย
3.น้ำเปล่า 2 – 3 ถ้วย
วิธีทำน้ำรากบัว
1.นำรากบัวปอกเปลือกแล้วล้างน้ำให้สะอาด หั่นเป็นแว่น ไม่หนาไม่บางเกินไป
2.น้ำเปล่าต้ม ใส่รากบัวลงไปต้ม เคี่ยวไปจนรากบัวนิ่ม
3.ใส่น้ำตาลลงไป ค่อยคนจนน้ำตาลทรายละลาย
เต้าทึงน้ำลำไย
เมนูของหวานที่ทานได้ทั้งร้อนและเย็น
วัตถุดิบ
1.ลำไยแห้ง ½ ถ้วย
2.ลูกเดือย 1 ถ้วย
3.ถั่วแดง ½ ถ้วย
4.พุทราจีนเชื่อม ½ ถ้วย
5.รากบัว 1 หัว
6.แปะก๊วย 1 ถ้วย
7.น้ำตาลทราย ½ ถ้วย
8.ใบเตย 2 – 3 ใบ
วิธีทำเต้าทึงน้ำลำไย
1.นำถั่วแดง ถั่วทอง และลูกเดือย ไปแช่น้ำประมาณ 5-6 ชั่วโมง เพื่อให้ถั่วนิ่มลง จากนั้นให้นำไปนึ่งให้สุกตักใส่ถ้วยพักไว้ แล้วนำรากบัว และแปะก๊วยไปต้มให้สุก แล้วพักไว้อีกเช่นกัน
2.ล้างลำไยแห้งให้สะอาด แล้วนำไปต้มในน้ำสะอาด ต้มจนเดือดให้น้ำกลายเป็นสีน้ำตาลอ่อน ๆ สังเกตว่าพอลำใยสุกนิ่มดีแล้ว ลำใยจะลอยขึ้นมาบนผิวน้ำ ก็ถือว่าเป็นอันใช้ได้ จากนั้นใส่น้ำตาลทรายลงไปละลายและใส่ใบเตยลงไปเพิ่มความหอม รอสักพักให้ใบเตยส่งกลิ่น ค่อยนำใบเตยออกแล้วปิดเตาได้เลย
3.เวลาเสิร์ฟให้นำธัญพืชต่าง ๆ ที่ต้มไว้แล้ว แยกใส่ถ้วยเตรียมไว้ เมื่อต้องการรับประทาน ให้ตักธัญพืชต่าง ๆ รวมกัน แล้วราดด้วยน้ำลำไย ตามด้วยน้ำแข็งป่นเพิ่มความสดชื่น
ไหล
คือ ส่วนยอดที่เลื้อยเพื่อแตกเป็นต้นใหม่ของบัว นิยมนำมาใช้ประกอบอาหารประเภท ผัด ต้ม แกงและเชื่อมเป็นของหวาน
อาหารจากไหลบัว เช่น
แกงส้มไหลบัว
วัตถุดิบ
1.น้ำพริกแกงส้ม
2.ไหลบัว
3.กุ้งสด
4.น้ำสะอาด
5.เกลือ 1 ช้อนชา
6.น้ำปลา 1 ทัพพี
7.น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา (ใส่เพื่อตัดรสชาติ)
8.น้ำมะขามเปียก 3 ทัพพี
วิธีทำแกงส้มไหลบัว
1.เทน้ำพริกลงในหม้อตามด้วยน้ำสะอาด รอให้น้ำเดือดแล้วใส่เกลือป่นลงไป
2.ใส่กุ้งลงไป รอจนกุ้งสุกแล้วตักออกพักไว้
3.ใส่ไหลบัวลงในหม้อแล้วปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาลทราย และน้ำมะขามเปียก จากนั้นใส่กุ้งที่พักไว้ลงไป ปล่อยให้เดือดสักพักแล้วปิดไฟ เตรียมเสิร์ฟ
ยำไหลบัว
วัตถุดิบ
1.ไหลบัว หั่นเป็นท่อนพอดีคำ 200 กรัม
2.กุ้งขาวผ่าหลังแกะเปลือก 100 กรัม
3.หอมแดงซอย 2 ช้อนโต๊ะ
4.กระเทียมบด 1 ช้อนโต๊ะ
5.น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ
6.น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
7.น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
8.น้ำพริกเผา 1 ช้อนโต๊ะ
9.พริกขี้หนูสวน 3 ช้อนโต๊ะซอยเล็ก ๆ
10.ขึ้นฉ่าย 1 ต้น ซอยเล็ก ๆ
11.ถั่วลิสงคั่ว 2 ช้อนโต๊ะ
12.ปลาเล็กกรอบ 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำยำไหลบัวกุ้งสด
1.นำไหลบัวและกุ้งไปลวกในน้ำร้อน พอสุกตักขึ้นแล้วนำไปแช่ในน้ำเย็นจัด
2.ผสมน้ำยำโดยผสมน้ำตาลมะพร้าว น้ำพริกเผา น้ำปลา น้ำมะนาวผสมจนน้ำตาลละลายจากนั้นชิมรสตามชอบพอได้รสชาติที่ถูกใจแล้วใส่หอมแดงซอย กระเทียมสับ พริกขี้หนูสับ ตามด้วยไหลบัวและกุ้งคลุกเคล้าส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากันตักเสิร์ฟ